หิมะ
หิมะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2002 เป็นผลงานชิ้นสำคัญของออร์ฮาน ปามุก นักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมคนแรกของตุรกี ในปี 2006 ซึ่งปามุกได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม นิตยสาร ไทม์ ได้จัดให้เขาเป็นหนึ่งในร้อย “บุคคลผู้ขับเคลื่อนโลก”
หิมะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2002 เป็นผลงานชิ้นสำคัญของออร์ฮาน ปามุก นักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมคนแรกของตุรกี ในปี 2006 ซึ่งปามุกได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม นิตยสาร ไทม์ ได้จัดให้เขาเป็นหนึ่งในร้อย “บุคคลผู้ขับเคลื่อนโลก”
เรื่องสั้นๆ 20 เรื่อง ของกรรมกรนามว่ามาร์โควัลโด ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในอิตาลี เมืองที่ทันสมัยเพราะเศรษฐกิจแต่แห้งแล้งและชวนห่อเหี่ยวใจแห่งนี้ เปลี่ยนโฉมหน้าไปภายใต้เสื้อคลุมแห่งฤดูกาลทั้งสี่ ทั้งฤดูใบไม้ผลิซึ่งนำความอุดมสมบูรณ์มาให้ ฤดูร้อนบางทีก็ร้อนเกินไปจนต้องหาทางคลายร้อน ฤดูใบไม้ร่วงส่งสัญญาณบอกให้เตรียมรับฤดูหนาว ฤดูหนาวที่มาพร้อมหิมะและโรครูมาตอยด์ ก่อนจะกลับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิใหม่อีกครั้ง ถึงจะขาดแคลนเงินทองและธรรมชาติในชีวิตประจำวัน แต่มาร์โควัลโดกับภรรยาและลูกๆ ก็มีวิธีซื่อๆและสุจริต (เป็นส่วนใหญ่) มาพร้อมรับมือเสมอไม่ว่าจะเป็นฤดูใดก็ตามของปี
หนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มสุดท้ายของแอลิซ มันโร (Alice Munro) นักเขียนชาวแคนาดา ก่อนที่เธอจะประกาศเกษียณอายุจากการเขียนหนังสือในปี 2013 หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นทั้งหมด 14 เรื่อง โดยที่ 4 เรื่องสุดท้ายมันโรแยกมันออกมาเป็น “ปัจฉิมบท” และได้เขียนบอกผู้อ่านไว้ด้วยว่า “งานสี่ชิ้นสุดท้ายในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเล่าเสียทีเดียว งานเหล่านี้ประกอบกันเป็นหน่วยแยกออกมา เป็นอัตชีวประวัติเชิงอารมณ์ แม้ไม่อาจนับเป็นอัตชีวประวัติได้ทั้งหมดในเชิงข้อเท็จจริง ฉันเชื่อว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งแรกและสิ่งสุดท้าย รวมถึงสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่ฉันจะพูดเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง”
หากค่ำคืนหนึ่งในฤดูหนาว นักเดินทางคนหนึ่ง (Se una notte d’inverno un viaggiatore) เป็นนวนิยายของอิตาโล คัลวีโน นักเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของประเทศอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ผ่านมา งานชิ้นนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกใน ค.ศ. 1979 หลังจากที่เขาไม่ได้ตีพิมพ์วรรณกรรมออกมาสู่สาธารณชนระยะหนึ่ง อย่างไรก็ดี เมื่อนวนิยายเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมา มันก็รั้งตําแหน่ง “นวนิยายหลังสมัยใหม่” อีกหนึ่งเล่มในตํานาน
ผลงานตีพิมพ์ชิ้นสุดท้ายก่อนที่มูซิลจะเสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคเลือดออกในสมอง ข้อเขียนชิ้นเล็กๆ ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นโมเสกเหล่านี้ เมื่อประกอบกับการจัดหมวดหมู่และวัตถุประสงค์ของมูซิลเองที่เขียนไว้ในคำนำ ทำให้มันเป็นเสมือนการวาดภาพ self-portrait ของมูซิล อันเป็นภาพที่สะท้อนสไตล์การเขียนอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเขา
ความรักและปีศาจตัวอื่นๆ เล่าเรื่องการปะทะกันระหว่างความรู้ทางวิทยาศาตร์และศาสนาจักร ผ่าน “อาการป่วยไข้” ของเซียร์วา มาเรีย เด็กหญิงผิวขาวที่มีผมยาวเหยียดสีทองแดง เซียร์วา มาเรีย เป็นลูกที่เกิดจากความเกลียดชังกันของพ่อผู้โศกเศร้าและแม่ที่หมดสภาพเพราะสิ่งเสพติด คำถามที่น่าสนใจคือ “ใครกันแน่ที่กำลังป่วยไข้?” และ “ป่วยด้วยโรคอะไร?”
ประเด็นที่สำคัญของนวนิยายเรื่องนี้คือความรัก การเปรียบเทียบความรักกับอหิวาตกโรคนั้นเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ชื่อเรื่องและคำบริภาษที่แม่ของโฟลเรนตีโนได้กล่าวต่อลูกของเธอ ทั้งนี้เนื่องจากอาการของคนที่ตกหลุมรักนั้นไม่ต่างจากคนที่เป็นโรคห่า นั่นคือ มีไข้ เพ้อไม่ได้สติ และอาจจะเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ดังจะเห็นได้จากอาการของโฟลเรนตีโนเองที่ยังคงตกหลุมรักนางเอกคือเฟร์มีนา ดาซา แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปกว่าห้าทศวรรษก็ตาม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นวนิยายเล่มนี้แตกต่างจากเรื่องราวในนิยายรักน้ำเน่าก็คือการที่การ์เซีย มาร์เกซ ไม่ได้ยกย่องเชิดชูความรักให้กลายเป็นสิ่งประเสริฐหรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับคุณธรรม ในช่วงห้าทศวรรษที่เขารอ โฟลเรนตีโนได้หลับนอนกับหญิงมากหน้าหลายตา และบางครั้งความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวได้นำไปสู่จุดจบที่มืดมน